นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ได้เดินทางมายื่นหนังสือ 4 หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการลงนามสัญญาการก่อสร้างโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร (โฮปเวลล์) และนำเสนอประเด็นที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดไว้
“ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าไทยไม่ควรต้องจ่ายค่าเสียหายคดีนี้ จำนวน 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินต้น 12,000 ล้านบาท และดอกเบี้ย 12,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทโฮปเวลล์ ประเทศไทยตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพราะสัญญาที่ทำไว้นั้นไม่ถูกต้อง เริ่มตั้งแต่สถานะบริษัทไปจนถึงการได้รับบีโอไอ” ดังนั้น จึงขอให้ 4 หน่วยงานแจ้งไปยังรัฐมนตรีและ ครม. ว่า ขณะนี้ได้รับเอกสารดังกล่าว และมีประเด็นที่ไม่ชอบมาพากลด้านกฎหมาย จึงอยากให้ตั้งคณะทำงานเพื่อมาตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้ง รวมถึงอยากให้สำนักงบประมาณซึ่งดูแลงบประมาณแผ่นดินยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้งดบังคับคดีต้องจ่ายค่าปรับไว้ก่อนหรือใช้สิทธิ์ฟ้องคดีเข้าไปใหม่เพื่อให้สัญญาเป็นโมฆะ
“นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่าการที่บริษัทโฮปเวลล์ ฮ่องกง และโฮปเวลล์ปประเทศไทย ขายหุ้นรวมกันจำนวน 500 ล้านบาท ให้กับบริษัทยูไนเต็ด ซัคเซส ลิมิเต็ด ที่จดทะเบียนที่สาธารณรัฐมอริเชียส เมื่อปี 2548 ซึ่งหลังจากตรวจสอบแล้วบริษัทนี้ไม่ได้มีการประกอบกิจการจริง ก็มีข้อน่าสงสัยว่าการเข้ามาลักษณะนี้มีเจตนาเพื่อที่จะค้าความ หรือเรียกร้องค่าเสียหายจากกรณีโฮปเวลล์กับประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งจะต้องเร่งตรวจสอบกรณีนี้ให้เร็วที่สุด”.