ข่าวโซเชี่ยล

ร้องกกต.สอบมาดามเดียร์ พ้นส.ส. พ่วงอาญา

“บิ๊กป้อม” โต้ “ธนาธร” ทหารไปทำอะไรให้ จะปรับอะไรกองทัพ “บิ๊กตู่” โต้จำเป็นต้องมีทหาร อย่าให้ใครบิดเบือน “ศรีสุวรรณ” จี้ กกต.เชือดต่ออาญาพ่วงพยาน 10 ปากเบิกความเท็จ ยื่นฟัน“เสี่ยเอก” หมิ่นฯศาล รธน. “ช่อ” ย้อนเกล็ดร้อง กกต.สอบ “มาดามเดียร์” โอนหุ้นสื่อ แจ้งบัญชีผู้ถือหุ้นหลังสมัครเลือกตั้ง 6 เดือน ต้องพ้น ส.ส.-โดนโทษอาญาเหมือน หน.อนค. “ชวน” เตือนชาวบ้านเอือม กมธ.ป.ป.ช.ฟัดกันเละ “เอ๋” ปีนเกลียวอัดประธานสภาฯเยอะไปแล้ว “สมบูรณ์” สวนก้าวร้าวใส่ร้าย ไม่เคารพผู้ใหญ่ เด็กๆไม่ควรเอาแบบอย่าง “สุกิจ” ตอกคนตรังรู้ดีพรรคไหนใช้วิธีสกปรกโสโครก “สิระ-ปารีณา” รับเรื่องประชาชนร้องสอบ “เสรีพิศุทธ์” โป๊ะแตกผู้ร้องสมาชิกร่วมพรรคอึกอักสื่อซักรับใบสั่งชงเองกินเอง ปธ.กมธ.ป.ป.ช.ไม่สนตัวป่วนเพิ่ม “ประวิตร” รับส่ง “ไพบูลย์” วัดกึ๋นแม่น ก.ม. พปชร.ดันชิง ปธ.กมธ.ศึกษา รธน.อีกเก้าอี้

หลังจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.จากคดีถือครองหุ้นสื่อ ยอมรับแม้จบไม่สวยแต่ไม่ยอมเลียบูตทหาร ขณะที่โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยื่นร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญของ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในกรณีปัญหาลักษณะเดียวกันกับหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

“บิ๊กป้อม” โต้ “ธนาธร” ทหารไปทำอะไรให้

เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชูสามนิ้วภายหลังฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และมีการะบุในเวทีเสวนาเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ว่าจะไม่ยอมทหารว่า ทหารไปทำอะไรให้ ทหารไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องดูว่ามันมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนปฏิวัติรัฐประหาร บ้านเมืองมันไปไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต้องเข้ามาแก้ปัญหาให้บ้านเมืองเดินไปได้เท่านั้น ความจริงไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย อีกทั้งวันนี้ไม่มี คสช.แล้ว และเราเข้ามาตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า นายธนาธรพยายามเรียกร้องให้ประชาชนมาปรับโครงสร้างกองทัพ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “จะปรับอะไรล่ะ กองทัพมีไว้สำหรับป้องกันประเทศ รักษาดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน” เมื่อถามอีกว่า เป็นห่วงความเคลื่อนไหวของนายธนาธรต่อจากนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ห่วงอะไร คิดว่าประชาชนเข้าใจ เมื่อถามย้ำว่าคิดว่าจะปลุกมวลชนออกมาเคลื่อนไหวได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ประชาชนเขาเข้าใจและมันมีกฎหมายอยู่ คงไม่มีอะไร

“ศรีสุวรรณ” จี้ กกต.ฟันอาญา หน.อนค.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้เร่งดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายธนาธรสิ้นสุดลง เนื่องจากเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญชัดเจนและตามกฎหมายถือเป็นเด็ดขาดผูกพันทุกองค์กร จึงอยากให้ กกต.ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 ที่กำหนดว่าบุคคลที่รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วยังมาลงสมัคร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีปรับตั้งแต่ 2 หมื่น-2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี โดยยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งโดยเร็ว แต่ยังเห็นว่ากรณีของนายธนาธร ยังไม่ขั้นทำให้ต้องยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่ยังมีหลายคำร้องที่มีน้ำหนัก ซึ่งตนยื่นขอให้พิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ เช่นกรณีนายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน

พ่วงพยาน 10 ปากเบิกความเท็จ

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า นอกจากนี้ ขอให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบพยาน 10 ปาก ที่ศาลเรียกไต่สวนในคดีนี้เนื่องจากทั้งหมดเป็นพยานฝ่ายนายธนาธร เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลในคดีนี้ชี้ให้เห็นว่าการให้ถ้อยคำของพยานทั้งหมดต่อศาลในชั้นไต่สวนไม่ได้เป็นไปตามข้อเท็จจริงอาจจะเป็นการเบิกความเท็จต่อศาลได้ ซึ่งก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นหาก กกต.เห็นว่าละเมิดจริงก็ขอให้เร่งดำเนินการส่งฟ้องตามกฎหมาย

ยื่นเชือด “พ่อฟ้า” หมิ่นฯละเมิดศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายศรีสุวรรณเดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้ดำเนินการกับนายธนาธร ฐานละเมิดศาล กรณีให้สัมภาษณ์ลักษณะไม่ยอมรับคำวินิจฉัย ระบุว่าศาลยึดข้อสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์ในการวินิจฉัย รวมทั้งระบุศาลไม่เคยทำธุรกิจจึงไม่เข้าใจรสนิยมในการลงทุน นายศรีสุวรรณระบุถ้อยคำลักษณะดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายเป็นการเสียดสี ตามมาตรา 38 วรรคท้ายและมาตรา 39 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบข้อ 10 ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ศาลตรวจสอบที่นายธนาธรอ้างว่าไม่ได้ใช้คำหยาบคาย แสดงความเห็นโดยสุจริต ไม่สามารถกล่าวอ้างได้ว่าคำพูดของตัวเองเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นศาลหรือไม่ ต้องให้ศาลผู้ถูกกระทำวินิจฉัยตามหลักเกณฑ์ข้อ 10 ของข้อกำหนดศาลหรือไม่

“ช่อ” ร้อง กกต.ฟัน “เดียร์” แบบ “เสี่ยเอก”

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า ได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญของ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หลังตรวจสอบว่าแม้ น.ส.วทันยาจะเคยถือหุ้นบริษัทเครือเนชั่นและได้โอนหุ้นดังกล่าวออกไปแล้ว แต่พบว่ามีการยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชน จำกัด (บมจ.006) แจ้งเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทเครือเนชั่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในช่วงเดือน ก.ย.2562 ภายหลังรับสมัครเลือกตั้งเป็นเวลา 6 เดือน กรณีของ น.ส.วทันยาเทียบเคียงได้กับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เพราะได้ยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด (บอจ.5) หลังจากการรับสมัครเลือกตั้ง อันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายธนาธรยังคงมีหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการสื่อสารมวลชนในวันสมัครรับเลือกตั้ง

แจ้งบัญชีผู้ถือหุ้นหลัง ลต. 6 เดือน

น.ส.พรรณิการ์กล่าวอีกว่า ดังนั้นเมื่อนำทั้งสองกรณีมาเทียบเคียงกัน บมจ.006 คือ บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท มหาชนจำกัด ส่วน บอจ.5 คือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด เป็นที่มาของการยื่น กกต.ตรวจสอบและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. น.ส.วทันยาและขอให้มีคำสั่งให้ น.ส.วทันยายุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเช่นเดียวกับกรณีนายธนาธร รวมถึงการดำเนินคดีทางอาญาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 151 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-20 ปี

ยื่น “บี” จัดการเฟกนิวส์ทำลาย อนค.

จากนั้นเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ ได้ยื่นหนังสือต่อนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อให้ตรวจสอบเฟกนิวส์สร้างความเสียหายให้พรรคอนาคตใหม่ เช่น กล่าวหาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างสถาบัน และการประชุมของ 7 พรรคฝ่ายค้านเป็นภัยต่อความมั่นคงสร้างความขัดแย้งแตกแยก กล่าวหา กมธ.กฎหมาย สภาฯทีี่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นประธาน เกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกดินแดน ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอมอบหลักฐานต้นตอข่าวปลอม รวมถึงคอมเมนต์ต่างๆที่ไม่ให้เกียรติหรือคุกคามทางเพศด้วยวาจา ให้ รมว.ดีอีเอสดำเนินการกับเพจที่เผยแพร่

รมว.ดีอีเอสยันไม่คิดใช้แกล้งใคร

ด้านนายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ตนยินดีรับข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำไปให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมดำเนินการ หากมีการบิดเบือนจริงสามารถดำเนินการตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้ ยืนยันว่าเราจะพยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข่าวที่มีการตอบโต้กันไปมา แต่ขอเชิญให้ไปแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยตรง ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวมีบุคลากรที่น่าเชื่อถือร่วมทำงาน หากเราใช้ศูนย์นี้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เชื่อว่าคนเหล่านี้ไม่อยู่ในศูนย์แน่นอน ในอนาคตศูนย์ต่อต้านข่าวกรองจะมีความเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงกับกระทรวงดีอีเอส แน่นอน แต่ในเบื้องต้นมีความจำเป็นที่จะต้องให้อยู่กับกระทรวงก่อน เพราะต้องใช้กระบวนการตรวจสอบจากต้นสังกัดในแต่ละกระทรวง โดยเราจะพยายามทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด

“บิ๊กป้อม” ไม่หวั่นเป็นเป้าถล่มซักฟอก

เมื่อเวลา 09.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 ป. ว่า ไม่เป็นไร ก็ว่าไป ให้ทางสภาผู้แทนราษฎรเขาว่ากันก่อน ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความพร้อมใช่หรือไม่หากฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พร้อมอยู่แล้วเราไม่ได้ทำอะไร เมื่อถามว่ามองว่าจะมีการนำเรื่องในรัฐบาลชุดที่แล้วมาอภิปรายหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ แล้วแต่เขา

“อนุทิน” ลั่นเจตนาสุจริตต้องกล้าชี้แจง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ต้องดูหัวข้อเป็นอย่างไร รัฐมนตรีทุกคนที่ทำงานกันอยู่ ทุกวันนี้ทำไปก็เก็บข้อมูลไป สิ่งสำคัญสุดอย่าไปทำอะไรที่เป็นความเสียหายกับชาติบ้านเมือง หรือทำอะไรทุจริต เมื่อไม่ทำอะไรทุจริตก็ชี้แจงได้ ทำงานต้องกล้าชี้แจง ถ้าทำถูกต้องยิ่งกล้าชี้แจง ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย สิ่งที่รัฐมนตรีทุกคนของพรรคภูมิใจไทยทำมาเกือบครึ่งปี มั่นใจว่าเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง ทำด้วยเจตนารมณ์ที่สุจริตและบริสุทธิ์ ถ้าจำเป็นต้องชี้แจงก็พร้อม เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยพร้อมสนับสนุนรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนหรือไม่ ถ้าถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทินกล่าวว่า ลงเรือลำเดียวกันแล้ว แต่ต้องสนับสนุนในเรื่องที่ถูกต้อง หากมีเรื่องทุจริตขึ้นมาต้องว่ากันว่าจริงหรือไม่จริงอย่างไร แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมีการพูดคุยกันอยู่แล้วทั้งประชุม ครม.ทุกอาทิตย์ ประชุมสภาฯ มีห้องพักรัฐมนตรีพูดจาหารือกัน ขณะนี้ยังไม่มีการประสานนัดมีตติ้งระหว่างพรรคร่วม

คน ภท.ทุจริตจัดการเองไม่ต้องถึงมือสภา

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่ารัฐมนตรีสังกัดพรรคภูมิใจไทยไม่มีจุดอ่อนให้พรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทินกล่าวว่า มั่นใจ แต่เราไปห้ามพรรคฝ่ายค้านไม่ให้อภิปรายไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ รัฐมนตรีของพรรคทุกคน หากถูกอภิปรายก็ต้องพร้อมชี้แจงให้ชัดเจน ถ้าตอบไม่ชัดเจนก็คงไม่มีใครไว้วางใจ ถ้าตอบไม่ถูกต้องหรือไปจับได้ว่าทุจริตขึ้นมา เดี๋ยวหัวหน้าพรรคจัดการเอง ไม่ต้องถึงสภา

ยังทำงานร่วมรัฐบาลแฮปปี้ดี

นายอนุทินกล่าวถึงกรณีโพสต์เฟซบุ๊กภาพนั่งเรือกับนายกฯ มีข้อความว่า “ลงเรือลำเดียวกัน เชื่อฟังกัปตัน ท่านสั่งให้เก็บมือเก็บเท้า” ว่า เรามีเฟซบุ๊กทุกคนโพสต์อะไรที่ต้องการ อย่าไปตีความกันเยอะ ไม่ได้มีอะไรเลย ในรัฐบาลไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน ต้องการสื่อว่ายังไงต้องเชื่อกัปตันเรือ ยังไงแล้วตนก็เป็นเด็กดีของนายกฯ รองนายกฯ ยังไงต้องเชื่อนายกฯกัปตันเรือ อยู่เมืองนอกก็เขียนรายงานนายกฯผ่านไลน์ว่าทำอะไรทุกวัน เวลารายงานอะไรมานายกฯก็บอกว่าดีมาก เมื่อถามว่าการทำงานในรัฐบาลยังแฮปปี้อยู่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า แฮปปี้มากและแฮปปี้มาตลอด งานออกก็ทำให้แฮปปี้ เมื่อถามว่าคนตีความนายกฯอาจห่วงความไม่เข้าใจกันของพรรคภูมิใจไทยกับสื่อแห่งหนึ่ง นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ต้องแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานจากกัน ใครไปผูกว่าสื่อเป็นของพรรคไหนๆไม่เกี่ยวกันเลย คนละเรื่อง

ให้ทนายแยกเรื่องฟ้องสื่อคู่กรณี

นายอนุทินกล่าวว่า สื่อมีปัญหากับพรรคภูมิใจไทย คนภูมิใจไทยที่ได้รับผลกระทบก็ไปดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อเกิดความเสียหายต้องแจ้งความดำเนินคดีเป็นสิทธิของเขา สื่อวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิทธิของสื่อ แต่ถ้าพูดอะไรมากเกินไปต้องรับผิดชอบ พูดอะไรไม่เข้าท่าก็โดนฟ้องไปแก้คดีเท่านั้นเอง ส.ส.ไปฟ้องแต่ละจังหวัด ไปสั่งไม่ได้เขาใช้สิทธิของเขา ภูมิใจไทยมี ส.ส.ทั่วประเทศและยังรวมถึงสมาชิกพรรคถ้าเห็นว่าเสียหายก็ฟ้อง ไม่ใช่นโยบายหรือมติพรรคเป็นเรื่องแต่ละบุคคล “ผมกำลังให้ทนายดูเรื่องอยู่โดยจะฟ้องแต่ของผมเยอะหน่อยดูเป็นข้อๆไป ฟ้องส่วนตัวที่ทำให้เสียหาย คนเป็นสื่อไม่ใช่มีปากแล้วอยากจะพูดอะไรก็ได้ ปากมีไว้พูดสิ่งที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ไม่มีข้อเท็จจริงแล้วก็พูดออกมา” นายอนุทินยังหัวเราะถามสื่อว่า “เขาเรียกว่ามีปากเหมือนมีอะไรล่ะ”

“บิ๊กตู่” ทำเซอร์ไพรส์ลงชุมชนบ้านบุ

สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 6/2562 จากนั้นเวลา 12.00 น.นายกฯ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย กทม. พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เยี่ยม “ชุมชนบ้านบุ” ดูงานหัตถกรรม “ขันลงหินบ้านบุ” เยี่ยมชมตลาดไร้คาน โดยไม่ได้แจ้งสื่อมวลชนล่วงหน้า จุดแรกนายกฯ ไปวัดสุวรรณาราม มีนักเรียนโรงเรียนสุวรรณาราม พร้อมนายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขตบางกอกน้อย มาต้อนรับ นายกฯ กล่าวว่า รัก ส.ส. ต้องรักนายกฯ ด้วย นายกฯ ก็ต้องรักษา ส.ส. นายกฯ ไม่ได้มีอะไรกับใครอยู่แล้ว จากนั้นนักเรียนได้นำเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ นายกฯ กล่าวว่า สิ่งดีๆที่เกิดขึ้น เป็นวัฒนธรรมอัตลักษณ์ความเป็นไทย จะหายไปไม่ได้ บรรพบุรุษเราสร้างกันมา โดยมีเด็กนักเรียนชายสาธิตขี่ม้าทำจากผ้าขาวม้าวิ่งรอบโบสถ์ บอกว่าเป็นวิธีแก้บนที่วัดนี้ สำหรับผู้มาบนบาน ขอให้ไม่โดนเกณฑ์ทหาร

จำเป็นต้องมีทหารอย่าให้ใครบิดเบือน

จากนั้นนายกฯขึ้นไปสักการะหลวงพ่อพระศาสดา พระประธานในพระอุโบสถ กราบนมัสการพระเทพสุวรรณเมธี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ที่มอบพระพุทธรูปจำลองหลวงพ่อพระศาสดา หน้าตัก 5 นิ้วให้นายกฯ และสนทนาธรรมตอนหนึ่งว่า คนไทยต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่รู้แบบงูๆปลาๆแล้วมีคนมาบิดเบือน เพื่อรักษารากเหง้าและวัฒนธรรมของประเทศไว้ จังหวะหนึ่งเจ้าอาวาส กล่าวว่า คนที่จะเข้าเกณฑ์ทหารใหม่มักมาบนที่
วัดแห่งนี้ เพราะเชื่อว่ามาบนที่นี่แล้วจะไม่ถูกเกณฑ์ทหาร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเกณฑ์ทหารสำคัญ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือสังคม คนเรียนหนังสือสูงๆมีกฎเกณฑ์ผ่อนผัน หรือสมัครเป็นทหารได้ เรามีความเป็นธรรมให้อยู่แล้ว จะไม่ให้มีทหาร พอถึงเวลาออกรบแล้วจะไปเกณฑ์มามันไม่ได้ จำเป็นต้องผ่านการฝึก กองหนุนต่างๆต้องมี จึงถือว่าวันนี้ทหารยังมีความจำเป็น ไม่เชื่อให้ถาม พล.อ.อนุพงษ์ได้ ตนกังวลตรงนี้ ต้องสร้างความเท่าเทียม ไม่ใช่ว่าคนรวยไม่ต้องไปเป็นมันไม่ใช่ หลักเกณฑ์เขามีอยู่แล้ว จากนั้นเจ้าอาวาสมอบหนังสือความต้องการของคนในพื้นที่ให้นายกฯ ก่อนไปสักการะพระบรม ราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้อาหารปลาที่ท่าน้ำ เดินทักทายสอบถามเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด กทม.ที่เข้าสวมกอดนายกฯ และบอกว่า “ท่านเป็นตัวอย่างในการทำงานของหนูเลยค่ะ”

อ้อนแม่ค้าช่วยยันศก.ยังพอไปได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนหนึ่งนายกฯ ได้พูดคุยกับบรรดาแม่ค้าที่นำขนมไทยโบราณในชุมชนมามอบให้ พูดไปจับข้อมือแม่ค้าคนหนึ่งใส่กำไลทองพร้อมเอามือแม่ค้าลูบที่ท้องนายกฯ แล้วถามว่า เศรษฐกิจพอยังได้อยู่ไหม มีทองใส่อยู่แสดงว่าเศรษฐกิจยังพอได้นะ ช่วยๆรัฐบาลอธิบาย และเดินไปทักทายผู้สูงอายุถึงในบ้าน นายกฯ สอบถามเรื่องสุขภาพพร้อมอวยพรขอให้อายุยืน จากนั้นไปเยี่ยมชมโรงงานขันลงหินบ้านบุ มรดกสืบทอดทางปัญญา ปัจจุบันนางเมตตา เสลานนท์ ทายาทรุ่นที่ 6 สืบทอดงานหัตถกรรมขันลงหิน นางเมตตาได้มอบขันลงหินขนาด 6 นิ้วราคาไม่เกิน 3,000 บาท ให้นายกฯเป็นที่ระลึก ขณะที่นายกฯได้ซื้อขันลงหิน 1 ชุดราคา 16,000 บาท

ชักดาบขอพรฟันฝ่าอุปสรรคไปได้

จากนั้นเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ มาตลาดวังหลัง ท่าน้ำศิริราช เดินทักทายพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้รับความสนใจขอถ่ายเซลฟี่ด้วย บางคนกระโดดเข้าหอมแก้ม ขณะที่ผู้ค้าขอให้ช่วยปรับพื้นถนนและทำหลังคาคลุม ซึ่งนายกฯได้มอบหมายกระทรวงมหาดไทยศึกษาดำเนินการ นายกฯยังได้ซื้อยาอมสมุนไพรซึ่งช่วยให้นอนหลับสบาย โดยบอกเป็นคนนอนไม่หลับจะได้นอนหลับ พร้อมแวะนั่งรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อ “คนไทย” สั่งเมนู ตำซั่ว ไก่ทอด คะน้าหมูกรอบ หมูตกครก คั่วไก่ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย พร้อมทักทายพูดคุยกับคนที่อยู่ร้านว่า “ช่วยกันทำให้ประเทศชาติมั่นคงนะ” จากนั้นนายกฯเดินไปยังพระตำหนักแดง วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร สักการะสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช โดยได้บูชาดาบเสริมบารมี พร้อมอธิษฐานขอให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ โดยชักดาบ 1 ครั้งก่อนเก็บเข้าฝักแล้วนำถวาย

สักการะหลวงปู่โตวัดระฆังฯ

ต่อมานายกฯได้เดินไปทักทายถ่ายเซลฟี่ร่วมกับครูอาจารย์ นักเรียนโรงเรียนสตรีวัดระฆังที่มา รอต้อนรับและส่งเสียงเรียก “ลุงตู่สู้ๆ” โดยมีเด็กนักเรียนหญิงชื่อ“น้องใบพลู” ร้องไห้ด้วยความดีใจเมื่อนายกฯสวมกอดและขอให้ตั้งใจเรียน โดยน้องใบพลูบอกว่า ชื่นชอบนายกฯมากๆ จากนั้นเข้ากราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดระฆังฯ เจ้าอาวาสได้มอบพระพุทธรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) หรือสมเด็จวัดระฆังฯให้นายกฯ และมีชาวบ้านคนหนึ่งบอกเป็นคนโคราชบ้านเดียวกับนายกฯมอบพระหลวงปู่โต๊ะรุ่น 100 ปีให้ด้วย ต่อจากนั้นนายกฯได้สักการะหลวงปู่โตองค์ใหญ่ ณ ลานหลวงปู่โต ริมน้ำพร้อมร่วมถ่ายรูปกับเด็กนักเรียนอีกครั้งแล้วเดินทางกลับ ทั้งนี้นายกฯจะใช้ช่วงไม่มีภารกิจทางการ ลงพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่อง โดยไม่แจ้งล่วงหน้าเพื่อติดตามงานและพบประชาชนใน กทม.

“ชวน” เตือนชาวบ้านเอือม กมธ.ฟัดกันนัว

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 08.50 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาฯบางคณะว่า ส่วนใหญ่ไม่พบว่ามีปัญหา จะมีทะเลาะกันเพียง 1 หรือ 2 คณะเท่านั้น ต้องแก้ปัญหากันเองภายใน กมธ. ด้วยการเชิญสมาชิกไปพูดคุยว่ามีปัญหาความขัดแย้งเรื่องใด หากเป็นเรื่องงานทำความเข้าใจได้ง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวคงจะยากหน่อย ควรทำความเข้าใจกัน เพื่อไม่ให้ชาวบ้านรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพความขัดแย้งที่ออกมา ส่วนการประชุมพิเศษวันที่ 20 พ.ย. เพื่อพิจารณาญัตติทั่วไปที่ค้างอยู่ ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาเรื่องด่วน ทั้งตั้งคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบการกระทำและคำสั่งมาตรา 44 ของ คสช. และญัตติด่วนตั้งคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่คาดว่าเรื่องด่วนจะพิจารณาได้ในวันพุธหน้า

“เอ๋” ข้ามรุ่นอัด “ชวน” เยอะไปแล้ว

เมื่อเวลา 11.20 น. ที่รัฐสภา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แถลงลงข่าวถึงกรณีขอหารือในสภาฯเพื่อให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานคณะ กมธ.ป.ป.ช.แต่ประธานสภาฯตัดบทให้ไปหารือใน กมธ.ว่า น้อยใจที่ถูกเลือกปฏิบัติ ขนาด ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ขอหารือ แต่พูดจาดูถูกดูหมิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม รวมถึง ส.ส.พรรคอื่นๆขอหารือเรื่องห้องน้ำในสภาฯ นายชวนยังอนุญาตได้ แต่ขอให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับไม่อนุญาต แล้วบอกว่าเป็นเรื่องภายใน กมธ.คำว่า “สวะ” มีแต่คนตํ่าเท่านั้นที่จะพูดได้ และต้องพูดกับคนตํ่าๆด้วยกัน จึงอยากให้นายชวนเมตตาตนเป็นผู้หญิงเวลาพูดกับผู้หญิงขอให้มีการพูดด้วยกิริยาสุภาพปกติ มีเพื่อนสมาชิกหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าช่วงที่ตนหารือในสภาฯ ตนยืนอยู่ใกล้กับนายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง พรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้งในเขตอำเภอบ้านนายชวนเองอาจจะหงุดหงิดเรื่องนี้หรือไม่ อยากให้แยกแยะ ตนไม่ได้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เป็นอดีต ผบ.ตร. อยากให้หยุดตัดไมโครโฟนเสียทีที่ต้องมาแถลงเพราะเห็นว่านายชวนเยอะเกินไปแล้ว

“เด็กชวน” จวกก้าวร้าวใส่ร้ายผู้ใหญ่

ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ แถลงกรณี น.ส.ปารีณาพูดพาดพิงถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯว่า ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าประธานสภาฯเลือกปฏิบัติ เรื่องที่ประธานสภาฯจะไม่อนุญาตให้หารือ คือเรื่องเกี่ยวกับประเด็นการเมือง ตนเป็น ส.ส.มา 4 สมัย ทราบว่าวาระหารือต้องไม่ใส่ร้ายใครเมื่อวันที่ 21 พ.ย. น.ส.ปารีณาได้หารือเรื่องถูกประธาน กมธ.ป.ป.ช.ดูหมิ่น ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรม ประธานสภาฯเห็นว่าไม่ใช่เรื่องความเดือดร้อนของประชาชน มีความเมตตาบอกว่าจะดำเนินการให้ต่อไป แต่ น.ส.ปารีณาบอกว่าตัวเองถูกปิดไมโครโฟน ความเมตตาของผู้ใหญ่ต่อผู้น้อยถูกบิดเบือนข้อมูล กล่าวหาว่าประธานสภาฯสองมาตรฐาน หลัง น.ส.ปารีณาแถลงข่าวเสร็จได้มาพบประธานสภาฯ ขอความเป็นธรรมกรณีถูกดูหมิ่น ประธานสภาฯก็เมตตาบอกให้ทำเรื่องมา แน่นอนว่าเด็กคนใดที่ก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ ใส่ร้ายว่าสองมาตรฐาน มองว่าเป็นผู้น้อยที่ไม่เคารพผู้ใหญ่ ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างให้เยาวชนได้เห็น น.ส.ปารีณาควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้สังคมเห็นว่าเราหน้าตาดี มีการศึกษาสูง ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนฯขอให้เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนที่เลือกมา ให้เป็นผู้แทนของคนราชบุรี

สวนคนตรังรู้ดีพรรคไหนใช้วิธีสกปรก

นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ ในฐานะอดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ถือสากับเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นหมอเคยเรียนจิตเวช รู้จิตใจของคนดีว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อพาดพิงเรื่องการเลือกตั้งในพื้นที่ จ.ตรัง จึงต้องออกมาพูดยืนยันว่าตนและนายชวนไม่ใช่พวกที่เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน การเลือกตั้ง จ.ตรัง น.ส.ปารีณาไปถามคนตรังดีกว่าว่าพรรคไหนใช้วิธีสกปรกอย่างไร “ชั่วชีวิตผมไม่เคยนำสิ่งชั่วร้ายไปให้กับเมืองตรัง การเลือกตั้งที่ผ่านมาผมเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ จ.ตรัง รอดพ้นจากความสกปรกโสโครกที่นำเข้าไปสู่เมืองตรังได้ ยืนยันว่าแม้จะทำงานตรงนี้ แต่จะทำสิ่งดีๆเพื่อที่อย่างน้อยเมืองตรัง จะได้รอดพ้นจากความสกปรกโสโครกชั่วร้ายที่เข้าไปครอบงำอยู่ได้” นพ.สุกิจกล่าว

ส.ส.พปชร.รับเรื่องสอบ ปธ.กมธ. 6 ข้อ

จากนั้นเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือผ่านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ขอให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. โดยนายสนธิญากล่าวว่า อยากให้ กมธ.สอบ 6 ประเด็นเกี่ยวกับการทำงานของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เกี่ยวกับโครงการต่างๆและการปฏิบัติหน้าที่ในสมัยเป็นรักษาการ ผบ.ตร. รวมทั้งขอให้ตรวจสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เซ็นแต่งตั้งที่ปรึกษาอ้างเป็นมติที่ประชุม กมธ.ลงวันที่ 20 พ.ย. แต่นายวัฒนา เมืองสุข ที่ปรึกษาประธาน กมธ.ป.ป.ช. โพสต์เฟซบุ๊กวันที่ 18 พ.ย. เป็นหนังสือที่ลงลายมือชื่อเองใช่หรือไม่ ที่อ้างเป็นมติที่ประชุม แต่หนังสือออกก่อน ได้นำเข้าสู่ที่ประชุมที่ผ่านมาหรือไม่ หาก กมธ.รับเรื่องทั้งหมดไว้ตรวจสอบ อยากเสนอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จ

อึกอักสื่อซักรับใบสั่งชงเองกินเอง

เมื่อถามถึงการวัดพลังเสียงขอมติปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นายสิระกล่าวว่า เชื่อว่าอาทิตย์หน้าที่จะประชุม ขอท้าให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาร่วมประชุม จะนำหลักฐานมาแสดงให้ กมธ.รับทราบ คาดว่าเสียงโหวต กมธ.จะอยู่ในทิศทางเดียวกัน ทุกอย่างจะอยู่บนเหตุและผล “ท่านเสรีพิศุทธ์อย่ายึดติดเลย ลองคิดว่าไม่ใช่ตัวกู ของกู เป็นห่วงท่านว่าหากยึดติด หากตายไปไม่ว่าจะอยู่สวรรค์หรือนรก อย่าไปอ้าง อีกว่าตัวเองเป็นประธาน กมธ. เป็นอดีต ผบ.ตร.สงสารท่านเหลือเกิน อย่ายึดติดเลย” นายสิระกล่าว

โป๊ะแตก “สนธิญา” คนพรรคเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ผู้มาร้องเป็นผู้เสียหายหรือ น.ส.ปารีณาเป็นคนตอบว่า มาร้องในฐานะประชาชนทั่วไป เมื่อถามอีกว่าการเสนอให้ประธาน กมธ.หยุดปฏิบัติหน้าที่ เดินเกมตามใบสั่งผู้ใหญ่ในพรรคหรือไม่ เพราะผู้มายื่นร้องเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายสิระปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ผู้ร้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มายื่นในฐานะประชาชนทั่วไป พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กำลังเอาเชือกมามัดคอตัวเอง ในฐานะเป็นนักกฎหมาย กลับออกมติลักไก่ต้องดูว่าใครจะตายอีกกี่ศพ อาทิตย์หน้าจะไปร้อง ป.ป.ช.ว่ามีการใช้เอกสารเท็จและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายสนธิญาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ น.ส.ปารีณาตอบว่าขอตรวจสอบก่อน นายสิระจึงรีบกล่าวเสริมว่า เป็นอดีตสมาชิกพรรค แต่สมาชิกพรรคก็เป็นประชาชนคนไทย ไม่ใช่เป็นสมาชิกแล้วจะมีข้อยกเว้นว่าห้ามทำโน่นทำนี่ จากนั้น น.ส.ปารีณาจึงเดินขึ้นโพเดียมแถลงข่าวกล่าวว่า นายสนธิญาเป็นอดีตรองโฆษกพรรคชาติไทย ผู้สื่อข่าวแย้งว่าแต่ขณะนี้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ นายสิระและ น.ส.ปารีณาจึงหันไปถามนายสนธิญาจนได้รับคำตอบกลับมาว่าเป็นสมาชิกพรรคได้ 1 เดือนแล้ว

“เสรีพิศุทธ์” ไม่สน พปชร.เพิ่มตัวป่วน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะ กมธ.ป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายดล เหตระกูล กมธ.ป.ป.ช. ยื่นใบลาออกเปิดทางให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่แทนว่า ยังไม่ได้รับหนังสือลาออกจากนายดล ไม่กังวลที่ส่งนายไพบูลย์เข้ามา เป็นการบีบบังคับของฝ่ายรัฐบาล ให้คนโน้นลาออกให้คนนี้เข้า กมธ.เป็นฝ่ายสภาฯ ที่เข้ามาเพื่อตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่มาช่วยกันขัดขวาง แต่ กมธ.กำลังป่วนเพราะมี 2-3 คนเข้ามา เมื่อถามว่าจะขอมติที่ประชุมปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พ้นประธาน กมธ.สัปดาห์หน้า มั่นใจเสียงสนับสนุนหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ไม่ต้องถือเสียง ที่มาของ กมธ.สภาฯมีมติให้ตั้งตามโควตา ส.ส.ที่ได้รับจัดสรรมา กฎหมายเป็นแบบนี้ใครจะปลดตนได้ จะปลดต้องมีกฎหมายรองรับ แม้ยกมือปลดก็ปลดไม่ได้ ตนทำหน้าที่เพื่อประชาชน แต่คนพวกนี้ปกป้องกล่องดวงใจของเขา

“ไพบูลย์” ปัดรับงาน-ไม่เพิ่มปมขัดแย้ง

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากพรรคมีมติให้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็น กมธ.ป.ป.ช.แทนนายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา ยืนยันไม่ได้เข้าไปเพื่อเพิ่มความขัดแย้ง คงเห็นเคยมีประสบการณ์เป็นประธาน กมธ.เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของวุฒิสภามาหลายปี น่าจะเป็นประโยชน์และสัดส่วน ส.ส.พรรคใน กมธ.ชุดนี้มีแค่ 3 คน จึงปรับให้เหมือน กมธ.ชุดอื่นที่มี 4-5 คน ไม่ได้เบียดเบียนโควตาพรรคชาติพัฒนา เพียงสับเปลี่ยนให้นายดลไปอยู่ กมธ.ที่เหมาะสม ตนมีประสบการณ์ด้านนี้มากกว่า เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ มอบหมายให้เข้ามาคานอำนาจใน กมธ. นายไพบูลย์กล่าวว่า เป็นยุทธศาสตร์พรรคมอบให้ทำงาน ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ความขัดแย้งใน กมธ.หลายเรื่องอาจเกิดจากความไม่เข้าใจกฎหมาย จะไปทำให้ชัดเจนขึ้น ไม่ได้จะเข้าไปทำหน้าที่เพื่อเพิ่มเสียงปลดประธาน กมธ.

“บิ๊กป้อม” รับส่ง ส.ส.ไปพะบู๊ข้อ ก.ม.

เมื่อเวลา 09.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีเปลี่ยนตัว กมธ.ป.ป.ช.สภาผู้แทนราษฎร จากนายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา มาเป็นนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่า เขาว่าอย่างนั้น แต่เรายังไม่รู้ ส่วนที่มีข่าวว่าจะส่งนายไพบูลย์เข้าไปแทนนั้นยอมรับว่าใช่ จะส่งนายไพบูลย์ไป เมื่อถามว่าถือเป็นการย้อนเกล็ด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมีย– เวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้ย้อนเกล็ด แต่เพราะท่านมีความรู้ด้าน ป.ป.ช. เมื่อถามย้ำว่า การส่ง ส.ส.ฝ่ายบู๊เข้าไปจะกลายเป็นการปะทะใน กมธ.ป.ป.ช.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้ปะทะ ทำไมล่ะ ต้องดูว่าข้อกฎหมายใครแม่นกว่ากัน

พปชร.ดัน “ไพบูลย์” ชิง ปธ.กมธ.แก้ รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า สำหรับตำแหน่งประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐเตรียมเสนอนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ แทนนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เนื่องจากนายสุชาติได้แสดงท่าทีปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่งมาตลอด ให้เหตุผลมีภารกิจในสภาฯ ค่อนข้างมาก พรรคพลังประชารัฐเห็นว่านายไพบูลย์มีประสบการณ์ร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเคยเป็นอดีต กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ชุดที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน จึงผลักดันเสนอชื่อนายไพบูลย์ไปชิงตำแหน่งประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกตำแหน่งหนึ่ง นอกเหนือจากที่ส่งไปเป็น กมธ.ป.ป.ช.

“วรงค์” นั่ง หน.รปช.ต้นปี 63—จ่อเสียบ รมต.

เมื่อเวลา 09.20 น. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมตัดสินใจแถลงข่าวพบพี่น้องสื่อมวลชนและผู้สนใจวันที่ 23 พ.ย.62 เวลา 10.00 น. ที่อาคารแปซิฟิก ชั้น 29 พร้อมพูดคุยทุกเรื่องสำคัญที่สุดคือจุดยืน สิ่งที่ผมคิด อยากจะทำ ในความเป็นตัวตนของผม “เชิงรุก รวดเร็ว ชัดเจน” ท่านที่สนใจติดตามเฟซไลฟ์ได้ครับ นพ.วรงค์ให้สัมภาษณ์ว่าขอชี้แจงเหตุผลทั้งหมดวันที่ 23 พ.ย.การย้ายพรรคไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์จะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ก่อน และอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในพรรคหลังปีใหม่ ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรค วางตัวให้ นพ.วรงค์เป็นหัวหน้าพรรคแทน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงานและหัวหน้าพรรค ที่จะลาออกเปิดทางให้ นพ.วรงค์ขับเคลื่อนพรรค โดยเฉพาะงาน การเมืองในสภาฯให้โดดเด่น เพราะพรรค รปช.มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 คน แต่งานในสภาฯไม่มีความชัดเจน ในอนาคตเมื่อมีการปรับ ครม. นพ.วรงค์อาจถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรคด้วย