การเสื่อมโทรมของทะเลน้ำแข็งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะจากการสำรวจดาวเทียมชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่ พ.ศ.2522 ปริมาณน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกช่วงเดือน ก.ย.จนถึงเดือนที่มีน้ำแข็งในทะเลน้อยที่สุดก่อนที่น้ำจะเริ่มแข็งตัวอีกครั้ง มีอัตราอยู่ที่ 13% ต่อทศวรรษ นักวิทยาศาสตร์พยายามทำนายอนาคตของน้ำแข็งทะเลอาร์กติกมานานหลายสิบปี โดยอาศัยแบบจำลองสภาพภูมิอากาศโลกหลายรูปแบบ ที่เสนอว่าระบบภูมิอากาศจะตอบสนองต่อก๊าซคาร์บอนได-ออกไซด์ทั้งหมดที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศอย่างไร
แต่จากการศึกษาใหม่โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส หรือยูซีแอลเอ ในสหรัฐอเมริกา พบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ อาจนำไปสู่การที่มหาสมุทร อาร์กติกไม่มีน้ำแข็งในอีก 25 ปี หรือราวๆปลาย พ.ศ.2587 วิธีที่พวกเขาพิจารณาคือกระบวนการที่เรียกว่าอัลบีโด ฟีดแบ็ก (Albedo feedback) จะเกิดขึ้นเมื่อแผ่นน้ำแข็งทะเลละลายอย่างสมบูรณ์ น้ำแข็งมีการเปลี่ยนแปลงในการสะท้อนแสงของพื้นผิวทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากขึ้น นำไปสู่การละลายน้ำแข็งมากขึ้น วัฏจักรนั้นทำให้ภาวะโลกร้อนย่ำแย่ลง เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้อาร์กติกร้อนขึ้นเร็วเป็น 2 เท่าของโลก
ชะตากรรมของน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกถือเป็นหัวข้อสำคัญของนักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศเนื่องจากมีบทบาทในอุณหภูมิทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศและเศรษฐกิจในวงกว้าง หากล่วงรู้การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นก็จะสามารถเตรียมพร้อมรับมือได้ทันท่วงที.
สังเกตจากข่าวตามหน้าเวปไซต์ และสื่ออื่นๆ จะเห็นว่า เกือบทั่วทุกมุมโลก เกิดภัยพิบัติ ขึ้นอย่างรุนแรง คือพายุ ทั้งฝั่งเอเชีย และ ที่ประเทศสหรัฐฯ บางคนอาจคิดว่า ก็ถูกแล้วเพราะช่วงนี้เป็นชวงมรสุม ก็น่าจะมีพายุอยู่ทั่วไป แต่เห็นหรือไม่ว่า มันดูรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆมา เกิดความเสียหายวงกว้างมากขึ้น ผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตก็เพิ่มมากขึ้นอีกทั้ง ฤดูหนาวของประเทศ ที่อากาศหนาวอยู่แล้ว กลับมีเวลาที่สั้นลง ฮีตเวฟ เกิดขึ้นในหลายๆประเทศในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลายคนตระหนักอยู่แล้วว่า “โลกร้อน” ได้ยินคำนี้มาหลายปี …. แต่ทำไมความเปลี่ยนแปลงของโลกกลับเลวร้านลงกว่าเดิมล่าสุดนาซ่าเผยคลิปไทม์ไลน์ของน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก ที่ซีกจขั้วโลกเหนือ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งน้ำแข็งมันลดลงมากแ การหดตัวและเบาบางลงของน้ำแข็งขั้วโลก ส่งผลกระทบที่รุนแรงจนน่าตกใจ โดยเมื่อน้ำแข็งที่มีสีขาวปกติจะสะท้อนแสงอาทิตย์ออกไปเกิดละลายลง ทำให้น้ำในทะเลอาร์กติกมีจำนวนมาก และเปิดรับดูดความร้อนจากแสงของดวงอาทิตย์มากยิ่งขึ้น นั่นยิ่งทำให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นไปอีก นั่นทำให้น้ำแข็งที่ละลาย ยิ่งทำให้น้ำแข็งจำนวนมากละลายตามไปด้วย